ประวัติหมอนฟักทอง

ปี ๒๕๔๐ นางนุ่ม สอนสูข ได้ไปอาศัยอยู่กับญาติที่บ้านละนาวพวง ต. โคกสนวน อ.ชำนิ จ.บุรีรัมย์ ขณะนั้นมีวิทยากรจากอำเภอมาสอนชาวบ้านทำหมอนฟักทอง ตัวเองมีความสนใจจึงได้เข้าร่วมอบรมทำหมอนฟักทอง ระยะเวลาอบรม ๑ สัปดาห์ จึงมีความรู้พอทำได้ และได้ลองทำมาเรื่อย ๆ จนฝีมือดี ทำได้สวยงาม ต่อมาปี ๒๕๔๕ ตนและครอบครัวได้กลับมาอยู่บ้านโนนแสนสุข และได้ทำหมอนฟักทองใช้เอง ญาติๆ และเพื่อนบ้านเห็นและชอบจึงขอให้นางนุ่มสอนการทำหมอนฟักทองให้ โดยรวมกลุ่มแม่บ้านที่มีความสนใจ จำนวน ๑๕ คน นางนุ่มจึงสอนการทำหมอนฟักทองให้และทำกันมาจนถึงปัจจุบัน
อัตลักษณ์/จุดเด่นของผลิตภัณฑ์หมอนฟักทองมีลวดลายที่ละเอียด ฝีมือประณีต ใช้ผ้าดิ้นเงิน ดิ้นทอง จึงมีความแวววาว ระยิบระยับ สวยงามแบบไทยๆ
ลักษณะของชื่อผลิตภัณฑ์บ่งบอกถึงตัวผลิตภัณฑ์ “หมอนฟักทอง “ ลูกฟักทอง
มาตรฐาน และรางวัลที่ได้รับผลิตภัณฑ์หมอนฟักทอง ผลิตใช้กันเองในกลุ่มผู้ที่มีใจรักและสนใจ การรวมกลุ่มก็เป็นกลุ่มแบบธรรมชาติไม่มีกฏระเบียบข้อผูกพัน ผลิตเพื่อใช้ ประดับ ตกแต่งบ้านเรือนให้สวยงาม หรือใส่ตู้โชว์ มีผู้สนใจสั่งซื้อก็ทำขายให้ ปัจจุบันยังไม่มีการรับรองมาตรฐาน หรือโลห์รางวัลใดๆ

ประโยชน์ของหมองฟักทอง
1. สามารถสร้างรายได้ให้แก่ครอบครัวได้
2. นำไปใช้ในงานมงคลต่าง ๆ ได้ เช่น งานบวช งานแต่ง ฯลฯ
3. ใช้ตกแต่งตามสถานที่ต่าง ๆ เช่น ห้องรับแขก ในรถ หรือตู้โชว์
4. ฝึกให้เป็นผู้มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
5. ฝึกให้เป็นคนอดทน ใจเย็นเพราะต้องใช้ความประณีตในการทำ
6. ฝึกให้เยาวชนใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์
การเก็บรักษา
1. ควรเก็บรักษาหมอนไว้ในบริเวณที่ไม่เปี๊ยกชื้น
2. ควรเก็บรักษาหมอนให้พ้นบริเวณที่มีแสงจ้าเพราะจะทำให้สีของหมอนซีดลง
3. ควรนำหมอนออกผึ่งแดดบ้างเป็นบางครั้ง
4. ควรเก็บหมอนฟักทองไว้ในบริเวณที่ไม่มีแมลงสาบหรือหนูรบกวน เช่น ควรเก็ยไว้ในตู้ ตู้โชว์ หรือไว้ตกแต่งหลัง หรือหน้ารถยนต์
1. ควรเก็บรักษาหมอนไว้ในบริเวณที่ไม่เปี๊ยกชื้น
2. ควรเก็บรักษาหมอนให้พ้นบริเวณที่มีแสงจ้าเพราะจะทำให้สีของหมอนซีดลง
3. ควรนำหมอนออกผึ่งแดดบ้างเป็นบางครั้ง
4. ควรเก็บหมอนฟักทองไว้ในบริเวณที่ไม่มีแมลงสาบหรือหนูรบกวน เช่น ควรเก็ยไว้ในตู้ ตู้โชว์ หรือไว้ตกแต่งหลัง หรือหน้ารถยนต์
แหล่งที่มา http://m-culture.in.th/album/164934/js/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น